Inductively Coupled Plasma (ICP)
ICP-AES (Inductively Coupled Plasma-Atomic Emission Spectroscopy) หรือ ICP-OES (Inductively Couple Plasma-Optical Emission Spectrometer) เรียกกันสั้นๆ ว่า ไอซีพี (ICP)
สามารถวัดสเปคตรัมแสงในช่วงทั้งความยาวคลื่นที่ตามองเห็น
และช่วงอุลตร้าไวโอเลต (Visible and Ultraviolet Region) โดยใช้หลักการอะตอมมิคอิมิสชัน (Atomic Emission , AE) คืออะตอมของธาตุแต่ละธาตุประกอบด้วยนิวเคลียร์ เป็นศูนย์กลาง
โดยมีอิเลคตรอนอยู่โดยรอบ ถ้ามีการให้พลังงานถ่ายเทเข้าสู่อะตอมจำนวนมาก เช่น การให้พลังงานความร้อน หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง พลังงานเหล่านี้จะกระตุ้นให้อิเลคตรอนในอะตอมเปลี่ยนสภาพจากที่เคยอยู่ในสภาวะพื้น(Ground State) เข้าสู่ช่วงระดับพลังงานสูง (Excited State) กระบวนการนี้เรียกว่า (Atomic Absorption , AA) อย่างไรก็ตามอิเลคตรอนไม่สามารถอยู่ในระดับสภาวะพลังงานสูงได้นาน ดังนั้นอิเลคตรอนจะคายพลังงานออกมาเพื่อกลับเข้าสู่สภาวะพื้น หรือกลับเข้าสู่สภาวะพลังงานกระตุ้นระดับต่ำกว่า ขบวนการนี้เรียกว่า (Atomic Emission , AE) ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วมาก ใช้เวลาประมาณหนึ่งในร้อยล้านวินาที พลังงานที่คายออกมาจะเป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงสเปคตรัมต่างๆ โดยธาตุที่ถูกกระตุ้นแต่ละชนิดจะปล่อยสเปคตรัมที่มีความยาวคลื่นเฉพาะของแต่ละธาตุออกมา ความเข้มของสเปคตรัมจะแปรผันตามจำนวนอะตอมที่ดูดพลังงานเข้าไป
สำหรับคำว่า Inductively Coupled Plasma เป็นขบวนการอย่างหนึ่งที่นำมาใช้สำหรับทำคบพลาสมา (Plasma Torch) ที่มีความร้อนสูงมากกว่าอุณหภูมิของเปลวไฟปกติทั่วไป โดยอยู่ในช่วงประมาณ 7,000 – 10,000 เคลวิน จึงสามารถทำให้ธาตุต่างๆ แตกตัว เป็นอะตอมเกิด Excitation (เปลี่ยนจากระดับพลังงานต่ำเป็นระดับพลังงานสูง) และเกิด Ionization (การแตกตัว) ของอะตอมโลหะได้เป็นอย่างดี
ภาพที่ 2 แสดงคบพลาสมา (Plasma Torch)
พลาสมา (Plasma) หมายถึง อะตอมหรือโมเลกุลของก๊าซที่เกิดการแตกตัวเป็นอิออนบวก และอิเลคตรอน ซึ่งการแตกตัวนี้อาจแตกตัวหมดหรือแตกตัวเพียงบางส่วนก็ได้ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วพลาสมาก๊าซจึงประกอบด้วยโมเลกุล อะตอม Excited Atom อิออนบวก และอิเลคตรอน
Popularity: 1% [?]